เว็บไซต์บทความเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ที่ครอบคลุมทุกด้านในการทำงาน
วันพฤหัสบดี, กันยายน 19, 2024
Home » มาตรฐาน PPE ของไทยมีอะไรบ้าง | กฎหมายอุปกรณ์ PPE

มาตรฐาน PPE ของไทยมีอะไรบ้าง | กฎหมายอุปกรณ์ PPE

by Vanessa Bennett
14 views
มาตรฐาน PPE ของไทยมีอะไรบ้าง

ในโลกของการทำงานที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การใช้เครื่องป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ PPE คือ อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันร่างกายของพนักงานจากอันตราย เช่น ความร้อน สารเคมี การบาดเจ็บจากการทำงาน รวมถึงมลพิษทางอากาศ อุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย หน้ากากกรองฝุ่น ไปจนถึงรองเท้าป้องกันไฟฟ้าช็อต ในประเทศไทย การใช้ PPE นั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพนักงานจะได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ ผมจะพาไปดุเกี่ยวกับมาตรฐานอุปกรณ์ PPE ในประเทศไทย มีอะไรบ้าง และมีบทบาทในการกำกับดูแลการใช้ PPE ในด้านไหน

ความสำคัญของ PPE

ก่อนที่เราจะเข้าสู่รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐาน PPE เราควรทำความเข้าใจว่าทำไม PPE จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

ความสำคัญหลักของ PPE คือ การลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากสิ่งแวดล้อม หรือจากเครื่องจักร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี หรือการปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ เช่น การทำงานในเหมือง โรงงานผลิตสารเคมี

หน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐาน PPE ในประเทศไทย

หน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐาน PPE ในประเทศไทย

ประเทศไทยได้บังคับใช้มาตรฐานหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับ PPE โดยมี 9 มาตรฐานสำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนี้:

1. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. หรือ TIS)

มาตรฐาน มอก. (Thai Industrial Standards: TIS) กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลายประเภท รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หมวกนิรภัย ถุงมือ แว่นตา และรองเท้านิรภัย มาตรฐาน มอก. ถือเป็นมาตรฐานหลักในประเทศไทยที่รับรองความปลอดภัยและคุณภาพของ PPE ในการปฏิบัติงาน

2. มาตรฐานขององค์การมาตรฐานสากล (ISO)

ISO (International Organization for Standardization) เป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึง PPE มาตรฐาน ISO เน้นเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ในการควบคุมมาตรฐานการผลิตและการใช้งาน

3. มาตรฐานสหภาพยุโรป (EN หรือ CE)

EN (European Standards) และ CE (Conformité Européenne) เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในสหภาพยุโรป อุปกรณ์ PPE ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน CE ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทางด้านความปลอดภัยและคุณภาพที่เข้มงวด ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้มักถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากยุโรป

4. มาตรฐานออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (AS/NZS)

AS/NZS (Australian Standards/New Zealand Standards) เป็นมาตรฐานของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มาตรฐาน AS/NZS มักใช้กับผลิตภัณฑ์ PPE ที่เน้นเรื่องความทนทานต่อสภาพอากาศหรือสภาวะแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง

5. มาตรฐานสถาบันมาตรฐานแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (ANSI)

ANSI (American National Standards Institute) เป็นมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในอุตสาหกรรมและการใช้ PPE โดยมาตรฐาน ANSI ครอบคลุมการออกแบบและการทดสอบอุปกรณ์ป้องกันที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ

6. มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น (JIS)

JIS (Japanese Industrial Standards) เป็นมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นที่ครอบคลุมถึง PPE ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่น หมวกนิรภัย ถุงมือ และรองเท้า มาตรฐาน JIS เน้นเรื่องคุณภาพการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์

7. มาตรฐานสถาบันความปลอดภัยและอนามัยในการทำงานแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (NIOSH)

NIOSH (The National Institute for Occupational Safety and Health) เป็นสถาบันที่วิจัยและพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานของสหรัฐอเมริกา PPE ที่ผ่านมาตรฐาน NIOSH ต้องผ่านการทดสอบในด้านความสามารถในการป้องกันอันตรายต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้งานในงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีหรือมลพิษทางอากาศ

8. มาตรฐานสํานักงานบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ กรมแรงงาน ประเทศสหรัฐอเมริกา (OSHA)

OSHA (Occupational Safety and Health Administration) เป็นหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาที่กำหนดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งรวมถึงการใช้ PPE OSHA ให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานเพื่อปกป้องผู้ปฏิบัติงานจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน โดยเน้นการใช้งาน PPE ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยง

9. มาตรฐานสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NFPA)

NFPA (National Fire Protection Association) เป็นสมาคมที่กำหนดมาตรฐานด้านการป้องกันอัคคีภัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงมาตรฐานการใช้ PPE ในงานที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงและงานกู้ภัย PPE ที่ผ่านมาตรฐาน NFPA จะเน้นการป้องกันอันตรายจากไฟ ความร้อน และการระเบิด

มาตรฐานอุปกรณ์ PPE ของไทย มีอะไรบ้าง

มาตรฐานอุปกรณ์ PPE ของไทย มีอะไรบ้าง

มาตรฐาน PPE ในประเทศไทยมีหลากหลายและครอบคลุม ทุกประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ในสถานที่ทำงาน ด้านล่างนี้เป็นมาตรฐานที่สำคัญของ PPE ที่ถูกกำหนดและใช้ในประเทศไทย ตัวอย่างอุปกรณ์ PPE ที่มีมาตรฐานกำหนดดังนี้

1. หมวกนิรภัย

หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันศีรษะจากการกระแทก หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน เช่น การก่อสร้างหรือโรงงานอุตสาหกรรม มาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทย คือ มาตรฐาน มอก.368-2531 ซึ่งระบุถึงคุณสมบัติของหมวกนิรภัย เช่น ความแข็งแรง ความทนทานต่อแรงกระแทก และความสามารถในการกระจายแรงเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

2. แว่นตานิรภัย

ปกป้องดวงตาจากฝุ่น ควัน หรือสารเคมีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น งานเชื่อม งานตัดเหล็ก หรือการทำงานกับสารเคมี มาตรฐานสำหรับแว่นตานิรภัยในประเทศไทยคือ มาตรฐาน มอก.1056-2548ซึ่งกำหนดให้แว่นตานิรภัยมีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันการกระเด็นของของเหลว แสงที่เป็นอันตราย และแรงกระแทกที่เกิดจากวัสดุต่าง ๆ

3. หน้ากากกรองฝุ่นและสารเคมี

สำหรับผู้ที่ทำงานในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองหรือสารเคมีที่เป็นอันตราย การใช้หน้ากากกรองฝุ่นเป็นสิ่งจำเป็น มาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทยสำหรับหน้ากากกรองฝุ่น ได้แก่ มาตรฐาน มอก. 1882-2561 ซึ่งระบุถึงคุณสมบัติในการกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็ก รวมถึงความสามารถในการกรองสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูง

4. เครื่องป้องกันการได้ยิน

การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น โรงงานที่มีการใช้งานเครื่องจักรหนัก การใช้เครื่องป้องกันการได้ยิน เช่น ที่อุดหู (Earplugs) หรือที่ครอบหู (Earmuffs) เป็นสิ่งจำเป็น มาตรฐานในประเทศไทยที่ใช้คือ มาตรฐาน มอก.2037-2549 ซึ่งกำหนดให้เครื่องป้องกันการได้ยินสามารถลดระดับเสียงที่เข้ามาถึงระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อการได้ยินของผู้ใช้งาน

5. ถุงมือป้องกัน

ถุงมือป้องกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับงานที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับสารเคมี ความร้อน หรือวัตถุมีคม มาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทยคือ มาตรฐาน มอก.1056-2556 ซึ่งกำหนดให้ถุงมือมีคุณสมบัติในการป้องกันสารเคมี และวัสดุที่มีความแข็งแรงเพียงพอต่อการป้องกันการบาดเจ็บ

6. รองเท้านิรภัย

รองเท้านิรภัยมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการบาดเจ็บจากการถูกของมีคมหรือวัตถุหนักตกใส่ นอกจากนี้ยังต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันไฟฟ้าช็อตในบางกรณี มาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทยคือ มาตรฐาน มอก.523-2554 ซึ่งระบุคุณสมบัติของรองเท้าที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการบาดเจ็บและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดี

การฝึกอบรมและการใช้งาน PPE อย่างถูกต้อง

การมี PPE ตามมาตรฐานอย่างเดียวไม่เพียงพอ การใช้งานที่ถูกต้องและการฝึกอบรมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยให้พนักงานสามารถปกป้องตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้งาน PPE อย่างถูกต้อง รวมถึงวิธีการตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นไม่มีข้อบกพร่องหรือชำรุด

ซึ่งจะเรียนรู้ได้ในหลักสูตร การทำงานเฉพาะทาง เนื่องจากงานแต่ละประเภทก็มีการใช้ PPE แตกต่างกันไป เช่น อบรมที่สูง, อบรมเคมี, อบรมดับเพลิง เป็นต้น

บทบาทของนายจ้างในการจัดหาอุปกรณ์ PPE

บทบาทของนายจ้างในการจัดหาอุปกรณ์ PPE

ตาม พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทํางาน ปี 2554

มาตรา 22 กำนหนดให้นายจ้างมีหน้าที่ในการสนับสนุน จัดหา PPE ที่มีมาตรฐานและเหมาะสมกับลักษณะงานของพนักงาน การเลือก PPE ที่เหมาะสมกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนแปลง PPE ที่ชำรุดหรือหมดอายุการใช้งาน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้งาน PPE อย่างถูกต้อง

ในหน้าที่นี้ คปอ หรือ คณะความปลอดภัยฯในการทำงาน เองก็มีส่วนที่ต้องเข้ามาดูแล จัดการระบบความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน หน่วยไหนควรมีชุด PPE อะไรใช้บ้างและต้องมีการผลัดเปลี่ยนเมื่อไหร่ เพื่อให้อุปกรณ์มีพร้อมใช้งานเสมอ หากคุณสงสัยเกี่ยวกับ คปอ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> คปอ คือใคร

ความท้าทายและแนวทางในการพัฒนามาตรฐาน PPE

ถึงแม้ว่ามาตรฐาน PPE ในประเทศไทยจะถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีความท้าทายหลายประการ เช่น การปรับปรุงมาตรฐานให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ การเข้าถึง PPE ที่มีคุณภาพในพื้นที่ห่างไกล และการสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ปฏิบัติงานในการใช้ PPE อย่างถูกต้อง ซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันในการพัฒนามาตรฐานและการใช้ PPE ในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สรุป

PPE เป็นส่วนสำคัญในการปกป้องพนักงานจากอันตรายในสถานที่ทำงาน การเลือกใช้ PPE ที่มีมาตรฐานและถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน PPE ในประเทศไทยมีหลากหลายประเภท ซึ่งครอบคลุมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย หน้ากากกรองฝุ่น และรองเท้านิรภัย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

เกี่ยวกับเรา

แหล่งข้อมูลดีๆ ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน ทุกบทความถูกจัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีเนื้อหาที่สเข้าใจง่าย

เรื่องล่าสุด

©2024 – All Right Reserved. Designed by  skbfinancialservices