ปัญหาเรื่องคุณภาพอากาศไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในบางภูมิภาคเท่านั้นแล้ว แต่กลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกภูมิภาคของประเทศไทยเลยทีเดียว แม้ว่าแหล่งกำเนิดของปัญหานั้นอาจจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค เช่น การเผาป่าที่เป็นปัญหาในภาคเหนือ การเผาที่พื้นที่โล่งในภาคอีสานและภาคกลาง หรือความเสี่ยงจากฝุ่นที่เกิดจากการจราจรในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการตรวจวัดค่าฝุ่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพื่อทราบสถานการณ์ปัญหาอากาศในพื้นที่ต่างๆ
DustBoy เป็นนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมงานคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อใช้ในการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เครื่องตรวจวัดมาตรฐานแบบ Low cost sensor ซึ่งสามารถตรวจสอบค่าฝุ่นได้แบบเรียลไทม์ และมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงถึง 85% โดยนวัตกรรมนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อคนไทยโดยคนไทย
ลดปัญหาคุณภาพอากาศที่เกิดขึ้นในประเทศ
รศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ หนึ่งในทีมพัฒนานวัตกรรมฮีโร่แจ้งเตือนฝุ่น PM 2.5 ได้อธิบายถึงที่มาที่ไป และการทำงานของเครื่องนี้ โดยระบุว่า ปัจจุบันเรามีเครื่องมือวัดค่าฝุ่นของกรมควบคุมมลพิษอยู่ เพียงแต่ว่ายังมีอยู่ในปริมาณที่ไม่สูงมากนัก ขณะที่ ความต้องการในการวัดคุณภาพอากาศทุก ๆ พื้นที่ ยิ่งหากเป็นทุกอำเภอ ทุกตำบล หรือทุกชุมชนได้น่าจะดี
ด้วยข้อมูลที่สามารถนำไปสื่อสารความเสี่ยงต่อสาธารณชนได้ เราสามารถแจ้งให้ประชาชนทราบถึงระดับค่าฝุ่นในแต่ละช่วงเวลา เช่น ช่วงเช้า ช่วงบ่าย ช่วงเย็น หรือช่วงค่ำ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ค่าฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประดิษฐ์เครื่องมือ DustBoy เพื่อการตรวจวัดค่าฝุ่นในเรียลไทม์และส่งข้อมูลขึ้น Cloud server เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อป้องกันตนเอง เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบเซนเซอร์ที่เรียกว่า การกระเจิงแสง เป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการตรวจจับอนุภาคของฝุ่นในอากาศอย่างแม่นยำ โดยการใช้แสงเลเซอร์ส่องทางอนุภาคและวัดการหักเหของแสงซึ่งจะแสดงถึงปริมาณฝุ่น PM 2.5 และ PM 10 ที่อยู่ในอากาศ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งขึ้น Cloud server และสามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเสนอข้อมูลให้แก่ประชาชนเพื่อใช้ในการป้องกันตนเองจาก
การติดตั้ง DustBoy ในแต่ละพื้นที่จำเป็นต้องพิจารณาแหล่งกำเนิดอะไรบ้าง เช่น ทุกชุมชนที่เป็นแหล่งที่มีความเสี่ยง และมีคนอยู่หนาแน่น เพื่อรายงานค่าฝุ่นกับประชาชน
มีความร่วมมือกับกรมอนามัย มีการติดตั้งที่โรงพยาบาล ที่ศูนย์เด็กเล็ก และในปีนี้จะมีการขยายความร่วมมือไปที่ กทม. จะติดตั้งที่ศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนในสังกัดของ กทม. ในครบทุกเขต จะได้เอาข้อมูลไปสื่อสารความเสี่ยงกับประชาชนได้
นวัตกรรมนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เครื่องนี้ ใช้วัดภายนอกอาคาร เรียกว่า DustBoy ซึ่งในอนาคตเราก็จะมี DustGirl เพื่อใช้สำหรับเป็น Indoor Air Quality (IAQ) และใช้กับเครื่องแรงดันบวกในห้อง เพื่อให้ห้องนั้นเป็นห้องปลอดฝุ่นได้
นวัตกรรมคนไทย เพื่อคนไทย
การพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย และตัวอย่างหนึ่งที่เด่นชัดในด้านนี้คือการผลิตเครื่องมือวัดฝุ่นที่มีคุณภาพสูงโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของชาติเราเอง ซึ่ง DustBoy เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของชาวไทยในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นละอองในอากาศ
รศ.ดร.เศรษฐ์ อธิบายว่า DustBoy ได้ชี้แจงถึงความแตกต่างที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้ โดยเน้นว่ามันถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยนักประดิษฐ์ไทย ซึ่งสร้างมาจากความรู้และทักษะของเราเอง ไม่เพียงแต่เป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งสร้างความเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์นี้มากถึง 85% โดยมีการร่วมมือกับสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติในกระบวนการตรวจสอบและการพัฒนาอย่างแม่นยำ DustBoy ถูกพัฒนามาแล้ว 7-8 รุ่น ก่อนที่จะตกผลึกในองค์ความรู้ และขยายผลต่อยอดความร่วมมือ และมีรุ่นล่าสุดที่เป็นจอสัมผัสด้วย มีรุ่นที่เป็นทั้งOffline WIFI Narrowband IoT LoRa และที่เชื่อมต่อกับสัญญาณดาวเทียม
นอกจากนี้ยังมีแผนการร่วมมือกับหลายประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ โดยการส่งข้อมูลผ่านสัญญาณไปยังสถานีอวกาศ และการวางแผนร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาในการพยากรณ์การไหลของฝุ่น เพื่อช่วยให้ประชาชนได้รับข้อมูลและเตรียมตัวให้เหมาะสมในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมด้านวัดฝุ่นโดยชาวไทยไม่เพียงเพิ่มคุณค่าแก่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความภาคภูมิใจและเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างชาติที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต
การมี อากาศสะอาด ไม่ใช่เพียงแค่ความสะดวกสบายของชีวิตประจำวัน เนื่องจากมันเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนที่มีผลต่อสุขภาพและความเจริญของชุมชนโดยรวม ดังนั้น การลงทุนในระบบ “อากาศสะอาด” เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
รศ.ดร.เศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ในแง่ของนักวิจัย ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โอกาสในการที่จะเดินก้าวมาไกล ณ จุด ๆ นี้ คงยาก แต่ก็ยังมีอุปสรรคปัญหาอีกหลายอย่าง เช่น ข้อมูลจะต้องถูกนำไปเก็บในระบบ Cloud ยิ่งข้อมูลเยอะ ต้นทุนในการเก็บข้อมูลเยอะตามไปด้วย ถ้าสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้เป็น Government Cloud ของประเทศน่าจะช่วยซัปพอร์ตเรื่องของต้นทุนได้ เนื่องจากข้อมูลขณะนี้ถูกนำไปใช้ในหลายหน่วยงานแล้ว
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thaipbs.or.th/now/content/756